Coach's VIEW is the business column written by coaches in COACH A. It will give you some tips to utilize coaching for organizational development and leadership development through its recent coaching status, recent data related to coaching, and introduction of global publication related to coaching.
ในตอนนี้ ฉันเลือกที่จะ...
Copied Copy failedการดำเนินชีวิตของเราในแต่ละวันนั้น ตั้งแต่ลืมตาตื่น จนถึงเข้านอน มีสิ่งที่เป็น "ตัวเลือก'" เกิดขึ้นอยู่เสมอ
อันดับแรกในตอนเช้า เราเลือกที่จะตื่นนอน เลือกที่จะล้างหน้า เลือกที่จะทานอาหารเช้า เลือกชุดที่จะใส่ และเลือกที่จะออกไปทำงานในแต่ละวัน
อาจจะเป็นความเห็นที่แปลกไปเสียหน่อย แต่ "ตัวเราเอง" นี่ล่ะ ที่เป็นคน "เลือก" สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เรายังเลือกบริษัทที่เราจะทำงานให้ เลือกที่จะเป็นสามี (หรือภรรยา) ของคนๆหนึ่ง เป็นหัวหน้างาน (หรือลูกน้อง) ของคนๆหนึ่ง ด้วยตัวของเราเอง จึงไม่เกินจริงเลยที่จะกล่าวว่า ชีวิตของคนเรานั้นประกอบไปด้วยสิ่งที่เรียกกว่า "ตัวเลือก" เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
เมื่อมีตัวเลือกปรากฏขึ้นตรงหน้า เช่น จะทานอะไรเป็นอาหารเช้า หรือจะใส่เสื้อผ้าแบบไหน เราจะตระหนักได้ว่าเรากำลังทำการ "เลือก" อยู่ แต่ในสถานการณ์ส่วนใหญ่นอกเหนือจากนั้นแล้ว คนเรามักจะไม่รู้ตัวว่า ณ ขณะนั้นเขากำลังทำการเลือกอะไรบางอย่างอยู่
สำหรับมนุษย์แล้ว "การคิด" เป็นการกระทำในเชิงชีววิทยาที่จำเป็นต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมาก ส่วน "การเลือก" นั้นเป็นการบังคับให้เราคิด จึงใช้พลังงานอย่างเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้น สิ่งมีชีวิตจึงเลือกที่จะ "ไม่คิดมาก" โดยไม่รู้ตัว กล่าวคือมนุษย์สร้างสภาวะที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องการเลือกนี้ในทุกๆครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะทำการเลือกอยู่ในทุกๆวันก็ตาม เขาก็เลือกที่จะใช้ระบบ Autopilot ที่เป็นสภาวะหลีกเลี่ยงการคิดนี้ เพื่อที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานในฐานะสิ่งมีชีวิต
"แล้ว ณ ขณะนี้ ฉันกำลังเลือกอะไร?"
นี่ล่ะคือจุดที่จะเกิดปัญหาขึ้น ปัญหาอย่างไรน่ะหรือ?
ปัญหาที่ว่าก็คือ เมื่อมีเรื่องที่ไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง หรือเรื่องขัดใจเกิดขึ้น เราจะมีความเดือดเนื้อร้อนใจว่า "ทำไม เรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้นได้กันนะ?" นั่นก็เพราะเราไม่รู้ตัวว่าเราเองเป็นผู้เลือกทำให้สิ่งต่างๆนั้นเกิดขึ้น
หนึ่งในลูกค้า Executive Coaching ของผม คุณ A ได้รับมอบหมายจากฝ่ายบริหารองค์กรของบริษัทขนาดใหญ่ ให้มาเป็น CEO ของบริษัท SME แห่งหนึ่ง หัวข้อในการโค้ชของผมกับคุณ A ก็คือ "ทำอย่างไร ถึงจะทำให้พนักงานเกิด ownershipได้?"
ใน session แรกนั้น คุณ A กล่าวว่า พนักงานของผมไม่มี ownershipมากพอในการทำงาน ถ้าผมไม่พูด งานก็จะไม่เดินหน้า หรือ ผมอยากจะให้พวกเขาลงมือทำงานด้วยความคิดของตัวเองให้มากขึ้น เป็นต้น
ใน session หลังจากนั้น หัวข้อที่ผมได้พูดคุยกับคุณ A ก็คือ
"สิ่งที่แสดงออกถึงการมี ownership ของคุณ A คืออะไร?"
"ตอนนี้คุณกำลังมองอะไรในตัวลูกน้องของคุณอยู่?"
"หากมีบางอย่างที่คุณกำลังทำแล้วทำให้ลูกน้องมี ownership น้อยลง คุณคิดว่าสิ่งนั้นคืออะไร?"
ผมถามคำถามเหล่านี้ และทำการคิดไปพร้อมๆกับคุณ A
หลาย session ของผมกับคุณ A ดำเนินไปแบบในข้างต้น จนกระทั่งคุณ A พูดพึมพำขึ้นมาว่า
"บางทีผมเองนี่ล่ะที่ขาด ownership"
"ตัวผมเองนี่แหละที่เป็นคน "เลือก" ลูกน้องที่มีอยู่ในตอนนี้ ผมทึกทักไปเองว่าพวกเขาจะต้องทำงานแบบลูกน้องจากบริษัทเก่าของผม และหงุดหงิดว่าทำไมพวกเขาจึงไม่แสดง ownershipเอาเสียเลย"
หลักจากมีคำพูดนี้เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ของคุณ A และลูกน้องก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
บทสนทนาของคุณ A กับลูกน้องที่เคยเริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่า "ทำไมคุณถึงทำไม่ได้?" ก็เปลี่ยนมาเป็นคำถามอย่าง "ที่คุณทำได้สำเร็จแล้วมีอะไรบ้าง?" หรือ "ตอนนี้ มีเรื่องอะไรบ้างที่คุณสามารถทำได้?" เป็นต้น
ด้วยการตระหนักรู้ถึงการที่ตนเอง "เลือก" ลูกน้องที่มีอยู่ คุณ A จึงสามารถคิดขึ้นมาได้ว่า ตัวเขาเองสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อเป็นการเพิ่มจิตสำนึกในการทำงานแบบมี ownership ให้กับลูกน้องของเขามากขึ้น
บางทีเราอาจจะจำเป็นต้องหยุดและตั้งคำถามกับตัวเองว่า "ฉันกำลังเลือกอะไรอยู่ และผลลัพธ์ที่ได้คืออะไร?"
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จากการตระหนักรู้ว่าเรากำลัง "เลือก" อยู่
ตัวผมเองก็ยังคอยย้ำบอกกับตัวเองอยู่เป็นเนืองๆว่า "ผมเลือก..."
ยกตัวอย่างเช่น
"ผมเลือกบริษัทนี้"
"ผมเลือกงานนี้"
"ผมเลือกการใช้ชีวิตนี้"
ขณะที่คุณบอกสิ่งเหล่านี้กับตัวเอง ให้ลองสังเกตถึงความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นภายในตัวคุณ
ยิ่งเราตระหนักว่าเราเป็นคนที่ "เลือก" มากเท่าไหร่ วิสัยทัศน์ของเราก็จะยิ่งกว้างขึ้นเท่านั้น และเราจะมีแรงผลักดันในการมุ่งหน้าไปสู่อนาคตมากขึ้นด้วย
นอกเหนือจากการถามตัวเองว่า "ฉันกำลังเลือกอะไรอยู่ และผลลัพธ์ที่ได้คืออะไร?" แล้ว เราควรจะหยุดใช้เวลาในการสังเกตอย่างรอบคอบว่าตอนนี้โลกที่เรามองเห็นและสัมผัสได้นั้น มันแตกต่างออกไปอย่างไร
แล้วคุณล่ะ ในฐานะผู้นำ คุณกำลังเลือกอะไรอยู่?
และคุณจะได้รับอะไรจากสิ่งนั้น?
ผมขอชวนทุกท่านให้ร่วมลองมาหยุดและสังเกตดูกันครับ
*Regardless of profit, non-profit or intranet, secondary use such as copying, diversion, selling etc. is prohibited without permission.
Language: Japanese